Amazing Petra มหานครหินแห่งประเทศจอร์แดน

ปกติเป็นคนที่ชอบพวกประวัติศาสตร์ เมืองโบราณ และเรื่องลึกลับพอตัว
แต่ไม่คิดว่าจะ โชคดีมากเหมือนโดนหินทับ ปีนั้นมีโอกาสได้ไปเยี่ยม 

เพตรา หรือ นครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา 



หุบเขาแห่งนี้ตระหง่าน อยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดน 

เพตราเคยเป็นมหานครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี ค.ศ. 1812 ( 171 ปีก่อน )

และแล้ว นครเพตราก็ได้รับลงทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและถูกกล่าวไว้ว่า

" เป็นหนึ่งในสิ่งล้ำค่ามากที่สุดของโลก เป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ "



ฟังแล้วขนลุกตั้ง ก็ยังไม่เท่ากับ ไปถึงสถานที่จริงแล้วเห็นมหานคร ศิลาสีชมพู แห่งนี้ตั้งอยู่ตรงหน้า
ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาอธิบาย เพราะมันดู ขลังไปหมด มีสเน่ห์สุดๆ ถึงขั้นจินตนาการไปไกลถึงอดีตกาล

พอ พอ เรียกสติกลับมาเขียนต่อ

อย่างที่เคยเขียนเล่าไป เฟิร์นเคยทำงานบนเรือ แถมเป็นเรือมหาเศรษฐี ความเป็นอยู่ของพนักงาน จึงดีไปตามลำดับ

เรือจอดแต่ละที่ ก็หลายวัน ประเทศไหนน่าสนใจ พวกกรรมการบนเรือ ก็จะเอากองทุนเพื่อพนักงาน  ( เรียกให้เข้าใจง่าย ) มาจัดทัวร์แล้วเราก็มาจ่ายเงินไปเที่ยวทัวร์นั้น ในราคาถู๊กกกก ถูก

เช่น ที่มา เปตรา วันนี้ จ่าย USD 20 ประมาณ 600 บาทเอง 

นี่ถ้าต้องเสียเงินไปเอง ไหนจะค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าที่พัก ..โอ๊ย... สารพัด

ทำงานด้วยเที่ยวด้วยสิ คุ้ม!

พอ พอ กลับมาอีกรอบ เริ่มต้นออกเดินทางจากท่าจอดเรือ มุ่งหน้าสู่ เพตรา ไปทางไหนไม่รู้ อย่าด่ากันนะคะ เราแค่เอา Experience มาแชร์ ไม่ได้ตั้งใจมา Full Review

ใครอยาก อ่านเต็มๆว่าเดินทางยังไง เราเจอกระทู้ของพี่คนนึงที่น่าสนใจจาก Pantip ด้วยล่ะ

ทางสวัสดิการเรือจ้างคนขับรถพร้อมบัสคันใหญ พาเหล่าพนักงานผู้แสนโชคดี ออกเดินทางกัน


จอร์แดนนี่ร้อนมาก หาต้นไม้แทบไม่เจอ ถนนในเมืองหรือดินก็ยังออกสีแดงๆ



ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมตัวตีกก็สีออกโทนส้มแดง สีอิฐ แต่ลักษณะการก่อสร้างออกมาแน่นๆทื่อๆดูเรียบๆ ตลอดทาง


ออกนอกเมือง ต้นไม้เริ่มหายไป แห้งแล้งมาก ดูยังไงก็เป็นทะเลทราย



เมื่อทางเลี้ยวเข้าหุบเขา ดูเหมือนสีเขียวจะกลับมาเป็นหย่อมๆ ดูเหมือนหญ้าแห้ง


และเเล้วเราก็มาถึง ตอนนั้นถ่ายไม่ทัน รู้แค่ว่า รถบัสจะมีลานจอด เราก็เดินไปรับตั๋ว
และเดินเข้าไปเปตรา

ไม่อนุญาตให้เอายานพาหนะใดๆเข้าไปได้เลย ระยะทางที่ต้องเดินเข้าไปนั้นไกลมาก ท่ามกลางแดดร้อนจัด จนแทบเป็นลม


ส่วนใครไม่ไหว มี ออพชั่นให้เลือก คือเดินทางไปกับม้านำโดยไกด์ท้องถิ่น จะทุ่นแรงเราได้เยอะ 


ใครพาเด็ก ผู้สูงอายุมา แนะนำว่าอย่าเดิน ดินแข็งและร้อนมาก อากาศแห้งๆไม่ชื้นเหมือนไทย


และแล้วเราก็เดินเข้ามาในหุบเขา ทางเบี่ยงเริ่มแคบลง เพราะเกิกจากการกัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน อย่างที่เราเคยรู้ๆกันว่า ทะเลทรายเคยจมอยู่ใต้มหาสมุทรมาก่อน 


จากหุบเขามองสูงขึ้นไป มันเป็นร่องเขา ต้องจินตนาการถึงโจรภูเขาดักซุ่มด้วยจะสนุกมาก

ตอนนั้นเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ ยิ่งตื่นเต้น รู้สึกเหมือนเป็นนักผจญภัย ที่กำลังค้นหาเมืองในตำนาน เข้าใจความรู้สึกของ ท่านที่เจอเพตราเป็นคนแรกเลย 




ในที่สุดเราก็เห็น เพตรา โผล่ออกมา 


เมืองที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว




ตอนนั้น ยืนอ้าปากค้าง น้ำตาเกือบไหล... จริงหรือนี่ มหานครโบราณ มันดูขลังมาก 

ตรงหน้านี้คือ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ 

แล้วก็เริ่มสำรวจบริเวณรอบๆ



ไม่อนุญาตให้เข้าในวิหาร


บรรยากาศรอบๆ นักท่องเที่ยวเยอะมากทีเดียว



ได้เห็นอูฐตัวเป็นๆใกล้มาก อูฐที่นี่เอาไว้ใช้ขี่เดินรอบๆ นครเพตรา ถ่ายรูปอูฐไปเยอะมาก 

ขอเตือนไว้นิดเรื่องการเข้าใกล้อูฐ คือมีอูฐตัวหนึ่งนั่งเคี้ยวเอื้องเฉื่อยๆเรารีบเข้าไป(ซะใกล้)
ถ่ายรูปยื่นหน้าไป จังหวะที่ถอยหัวออกมาเป็นจังหวะที่อูฐอ้าปากงับ 

กรี้ด... คนแถวนั้นนะกรี้ด เพราะเกือบโดนอูฐเขมือบหู



เสียดายจริงๆมาถึงที่ ไม่ได้ขี่อูฐ เสียดายจัง


เดินสำรวจต่อ อ้อมไปด้านหลัง ก็เป็นหินสีชมพูและทางเข้ามหานคร แต่เค้าไม่อนุญาตให้เข้าไปนะคะ กั้นเอาไว้ 

ดูเหมือนว่าจะเป็นวิหารใช้ประกอบพิธีกรรมอะไรสักอย่างเพราะมีคนใส่ชุดขาวเข้าออก




เราก็เดินๆเวียนๆ แล้วกลับออกมา ไม่ได้เดินขึ้นไปบนวิหาร เพราะร้อนจัด

ด้านล่างเป็นร้านขายของที่ระวึก พวกโถ ไห งานปั้น แมกเนต





ระยะทางสำรวจจริงๆแล้ว ไกลมาก แต่เวลาเราหมด ธรรมดาแหละไปแบบลูกทัวร์ มีกำหนดเวลา

บอกไม่ถูกว่าเดินถึงไหน น่าจะ Theatre หรือโรงละคร


เอาแผนที่มาให้ดูกัน 



จบข่าวแบบห้วนๆสมเป็นบล้อกสไตล์เรา

แค่เป็นไอเดียให้นะคะ ไปจอร์แดนไม่รู้จะไปสำรวจอะไร แนะนำให้ไป เพตราค่ะ



0 comments: