From now to the end : จนกว่าความตายจะมาพราก

เจ้าของสัตว์เลี้ยงคงรู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อรู้ว่าสัตว์เลี้ยงป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
เพราะไม่มีการจากลาอะไร สะเทือนใจได้เท่า ความตายที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่มีใครทำใจได้

เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา... เพื่อเป็นอีกหนึ่ง Case Study ให้เจ้าของ เตรียมใจ รับมือกับสิ่งที่จะเกิด ความสูญเสียไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าของต้องยอมรับและเข้มแข็ง
ทำให้ช่วงสุดท้ายที่เหลือในชีวิตเค้ามีความสุขที่สุด


เราจะสู้ไปด้วยกัน จนกว่าความตายจะมาพราก




เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา... ณ วันที่ รับรู้ว่า โคฟี่ เป็นโรค FIP และเป็นลูคิเมียพร้อมๆกัน เพื่อนับเคาท์ดาวน์การจากไป แม้ว่า... โรคนี้เป็นโรคที่ทำให้เจ้าของเศร้า และสะเทือนใจ แต่มันคือเรื่องจริง จากวันแรกจนวันสุดท้ายของชีวิตแมวหนึ่งตัว ที่ถ่ายทอดเป็นความรู้ให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยรู้จักภัยร้ายจากโรค FIP ลองศึกษาดูการก่อตัวของโรคจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

โคฟี่...จนถึงวันนี้ที่ลูกไม่อยู่แล้ว ลูกก็เป็นกรณีศึกษาให้แมวตัวอื่นๆ



เรื่องราวของโคฟี่ แมวดำ ที่รับเข้าบ้านมาเลี้ยงเมื่อเดือน พย. 2557 เริ่มต้นตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวหลงทาง ตัวเล็กๆ เหม็นเหมือนตกท่อ มาขอข้าวกิน เลี้ยงไม่ไหวแล้วที่บ้านมีสามตัว ตั้งใจรับมาปล่อยต่อหาบ้าน ส่วนเพื่อนก็รับปากว่าจะเอา แต่โทรบอกเพื่อนว่า แกๆ เอาไว้ที่ชั้นก่อนนะ ผลัดวันประกันพรุ่งจนกระทั่งโทรหาเพื่อนอีกครั้ง แก ๆหาตัวอื่นเหอะนะ ตัวนี้ชั้นเอา ชั้นรักมันแล้ว โคฟี่จึงกลายมาเป็นสมาชิกตัวที่ 4 แมวตัวสุดท้ายที่รับมาเลี้ยง 



1 ปีผ่านไป โคฟี่พัฒนาการกลายเป็นหมู  เป็นแมวขนสวย ตัวแน่น กินจุ ร่าเริง และจิตใจดี เป็นแมวที่เข้าหามนุษย์มากที่สุด ไม่เคยขู่แมวจรจัดที่แวะมาขออาหาร ไม่เคยทำร้ายแมวตัวไหน ถึงหน้าจะโหดแต่ใจดีมากที่สุด


ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน เป็นแมวตัวเดียวที่นอนเอาหัวหนุนไหล่ จนหลับไปด้วยกัน ทุกเช้าเป็นนาฬิกาปลุก ตื่นก่อนใครๆในบ้าน โคฟี่เอาใจไปครองเพราะแมวตัวอื่นในบ้านหน้าตาดีๆ แต่โคฟี่เป็นแมวธรรมดา ถึงได้รักโคฟี่มากยิ่งกว่าแมวทุกตัว ยังแอบคิดว่า ถ้าแมวต้องล้มหายตายจากไป ขอให้โคฟี่เหลือเป็นตัวสุดท้ายได้มั้ย


นอนตั้งแต่เล็กจนโต ป่วยก็เข้ามานอนใกล้ๆ ไม่เคยห่างกันสักคืน



กลางเดือน พฤศจิกายน 2558 สัญญาณอันตรายมาเยือน


โคฟี่ป่วยแบบไม่มีสาเหตุมาสองอาทิตย์ สังเกตุเห็นว่า เริ่มช้าลง เดินลงบันไดช้าๆไม่วิ่งลง เริ่มนิ่งๆลง คิดว่าป่วยธรรมดา พาหาหมอที่คลินิก A แถวบ้าน ครั้งแรกวัดไข้ว่าสูง ฉีดยาลดไข้ ให้ยามากิน อาการไม่ดีขึ้น พากลับไปคลินิกเดิม ตรวจแผ่นเช็ค FIP แต่ไม่มีผลอะไรขึ้น หมอบอก ลองไปกินยาต่อเนื่องนะ ปกติ แมวต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์จะหาย .... ผ่านไป 2 วัน โคฟี่ไม่หาย ไม่ถ่าย ไม่กินข้าวเหมือนเดิม
ทนไม่ไหว พาไป โรงพยาบาลเฉพาะทางแมวภูเก็ตที่เจ้าฟ้า แยกฉลอง คลินิกนี้ราคาสูงแต่รับประกันว่าดีที่สุดในภูเก็ต



18 พฤศจิกายน สังเกตอาการ


หมอตรวจ ค่าตับไม่ดีเท่าไหร่ น่าจะต้องให้ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ได้ตรวจ FIP เพิ่มเพราะบอกหมอว่าคลินิกเดิมตรวจแล้วไม่พบอะไร หมอจัดยาชุดใหม่ให้ และรอตรวจซ้ำ อีก 3 วัน



20 พฤศจิกายน วันที่ตรวจพบ FIP เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ


แฟนบอกว่าโคฟี่ท่าจะไม่ไหว ขอลางานครึ่ง พาโคฟี่ตรงไปรพ. แถวฉลองอีก หมอหยกเจ้าของ รพ มาทำอัลตร้าซาวด์ให้เอง คราวนี้อยู่ในห้องตรวจชั่วโมงกว่า 



หมอชัดเจนมาก ชี้ให้ดูอย่างละเอียด มีน้ำในท้อง มีก้อนอะไรไม่รู้ เป็นเรื่องไม่ดี หมอว่าเกิดอาการอักเสบ หมอขอเจาะน้ำในท้องออกมาหยดให้ดู  น้ำสีเหลืองไหลหนืดๆ หมอบอกว่า 90% เป็นโรค FIP ฟันธงแล้ว รวมถึงอาการในข้างต้น หมอขอเจาะเลือดออกมาตรวจ HIV กับลูคิเมีย 

ผลคือโคฟี่เป็นทั้ง FIP และ ลูคิเมีย 

ร้องไห้โฮต่อหน้าหมอ คือรู้ว่าหมดหวังแล้วกับโรค FIP  การป่วยเป็นโรคนี้ เปรียบเสมือเป็น คำพิพากษาจบชีวิตแมว เพราะปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาโรคนี้ให้หายได้

FIP- Feline Infectious Peritonitis คือโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบที่เกิดมาจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โคโรนาไวรัส (Corona virus) เป็นแล้วไม่หาย คือรอความตายอย่างเดียว และนับจากวันที่ตรวจพบ แมวส่วนมากมักมีอายุมากสุดแค่ 2 เดือน และทั้งโลกมีแค่ 2 เคสที่แมวหายป่วย ( หลังจากอาการหนัก ) อ่านเพิ่มเติมได้ใน Google หรือ คลิ้กที่นี่ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องโรคนี้

โรคนี้แมวอาจมีติดตัวมาแต่เด็ก หรือได้รับเชื้อมาจากแมวตัวอื่น อาการแต่ละตัวไม่เหมือนกัน บางตัวที่ได้รับเชื้อแต่ภูมิไม่ตกเลย อาจไม่เกิดอาการอะไรอยู่หลายปี หรืออาจไม่เกิดอาการอะไรเลยทั้งชีวิต แต่ในขณะบางตัว แมวเกิดภาวะโรคแทรกซ้อนทำให้แมวออกอาการหนัก และการที่เราจะตรวจอาการนั้นเจอ คือเข้าขั้นสุดท้ายที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว

พูดง่ายๆ ถึงแมวได้รับเชื้อ FIP จริง แต่ไม่ออกอาการ แมวก็อยู่ได้เรื่อยๆ เหมือนแมวปกติ เจ้าของจะไม่รู้ตัวเลย แต่แมวที่แสดงอาการ และน้ำในท้องหนืดแล้ว เกิน 90% แมวต้องตาย จากการสำรวจพบว่า เฉลี่ยจะตายภายใน 9 วัน

ยิ่งอ่านเรื่อง FIP ยิ่งรู้สึกแย่ลงๆ ยังไงก็ไม่มีหวัง แถมยังต้องมองแมวเราทรุดลงไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าวาระสุดท้าย จะทรมานมากแค่ไหน แต่ที่แย่ยิ่งกว่า โคฟี่เป็นลูคิเมียด้วย ซึ่งจะทำให้ยิ่งทรุดลงไปอีกเร็วมาก


ในอดีต เคยมีแมวตัวนึงในบ้านเป็นโรคเดียวกันและก่อนจากไป ต้องพาไปดูดน้ำออกจากท้อง 3ครั้ง น้ำเป็นสีเหลืองชา เป็นถ้วยๆ ช่วยประทังไปได้ไม่นาน และจากไปใน 1 เดือนจริงๆแต่ตอนนั้นเด็กไง เลยไม่ได้ผูกพันธ์กับแมวเป็นพิเศษ

หมออธิบายอย่างละเอียด และไม่โกหกว่า โรคนี้มันทรมาน ทั้งเจ้าของและแมว 
หมอจำเป็นต้องพูดเรื่องจริงซึ่งฟังดูโหดร้าย ว่าแมวตัวนี้ ต้องตาย สิ่งที่ทำได้คือให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่ จนถึงวินาทีสุดท้าย

หมอว่า ถึงเป็นเรื่องเศร้า แต่ทำดีที่สุดแล้ว ที่สังเกตอาการเร็ว พามารักษา
ยังไงซะก็ร้องไห้จนตาบวม โคฟี่จะรู้ตัวมั้ยน้า


หมอให้ยามาเพียบ โคฟี่แทบสลบ



21 พฤศจิกายน 2558


โคฟี่เริ่มมาพักฟื้นบ้านแฟนได้อาทิตย์หนึ่งก่อนจะรู้ผล ... เพราะแฟนมีเวลาดูแล ช่วงกลางวัน ต่อไปนี้โคฟี่ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเราอีกแล้ว ไม่ได้กลับไปอาศัยกับเพื่อนๆที่บ้าน เพื่อป้องกันการกระจายโรคไปแมวตัวอื่น ซึ่งจริงๆแล้ว เค้าอยู่ร่วมกันมาปีเต็มๆ กินข้าวด้วยกัน กระบะทรายร่วมกัน เลียขนให้กัน แมวตัวอื่นก็น่าจะติดไปแล้ว แต่กันไว้จนกว่าจะตรวจไวรัสครบทุกตัว


จัดมุมห้องนอน และมุมอาหาร กะบะทรายไว้ให้โคฟี่ จะได้ไม่รู้สึกเครียด



22 พฤศจิกายน 2558


บางคืนจะนอนบ้านแฟนดูอาการโคฟี่ ต้องตื่นมา หกโมงกว่า ให้ยาก่อนอาหาร ป้อนอาหารจากกระบอกฉีดยา อาหารเหลวแมวป่วย

ทุกครั้งที่มอง ห้ามน้ำตาไม่ไหว เพราะคิดสภาพวันที่ต้องจากกันจริงๆจะทำใจยังไง

วันนี้อะไรนิดอะไรหน่อย ก็มองหน้าแล้วร้องเรียกเสียงสั้นๆเบาๆ เลยพยายามถ่ายรูปคู่กันไว้ด้วยหลายรูป ถ่ายทุกวัน


แอบน้ำตาไหล คริสมาสปีนี้คงอยู่ไม่ถึงสินะ


เย็นนี้พาโคฟี่กลับบ้านไป 2-3 ชั่วโมง ไปเล่นกับเพื่อนๆ ดูโคฟี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว โคฟี่คงต้องการความสงบ หลบมุมออกมานั่งเงียบๆ แต่ตายังหันไปดูเพื่อนจับจิ้งจก ก็เดินตามไปแบบหมดแรง

ให้อาหารเพื่อนๆ ก็ร้องขอด้วย พอยื่นถ้วยให้ ไม่กิน... แค่ร้องขอตามนิสัย

23 พฤศจิกายน 2558


บอกตัวเอง จากวันนี้ไป ต่อไปนี้งานยุ่งแค่ไหน ก็จะกลับบ้านตรงเวลา ชีวิตน้อยๆที่กำลังจะหมดลมหายใจ รอเรากลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ

เปิดประตูมา น้ำตาร่วง โคฟี่นอนตาลอย เหม่อ จับนอนท่าไหน เหมือนไม่รู้สึกตัว ป้อนข้าวเยอะขึ้น

หมอบอก ยิ่งกินเยอะ ก็ยิ่งแข็งแรง



สังเกตุว่าวันนี้โคฟี่เริ่มเก็บตัว ไปหลบมุมนอนในห้องน้ำ แบบที่เคยได้ยินมาว่าที่ เวลาสัตว์เลี้ยงจะตาย จะไปหาที่ตายอย่างสงบไม่ให้เจ้าของเห็น


24 พฤศจิกายน 2558

มาทั้งชุดพนักงานเลย เพราะเลิกงานปุ๊บ กลัวตกรถ กลับทั้งชุดนี้เลย แถมช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้เด็กๆที่บ้าน เพราะรีบรีบตรงไปป้อนข้าว ป้อนยาโคฟี่ก่อน กินอาหารเองไม่ได้แล้ว ต้องป้อนให้กิน อาหารที่ใช้คือ รอยัลคานิน Recovery สำหรับแมวป่วยโดยเฉพาะ กระปุกละ 150 บาท ให้ผสมกับ แบรนด์ซุปไก่ จะได้ไม่ฝืดคอ


ช่วงนี้เปิดดูรูปเก่าๆ สมัยโคฟี่ยังเป็นเด็กน้อยแล้วน้ำตาไหลพราก แมวเคยซน ตอนนี้ผอมลง จับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก


เตรียมความพร้อมในการกินอาหาร ใส่ผ้ากันเปื้อนหนังสือพิมพ์ ช่วงนี้กินเลอะเทอะ
ยิ่งเลอะยิ่งประสบการณ์ ( คนป้อน )


หน้าตาไม่เข้าท่ามากๆ


25 พฤศจิกายน 2558

ตัดสินใจลางานครึ่งวัน เพราะท้องดูใหญ่ขึ้น รีบพาไปเจาะน้ำ 


อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่สายตาบอกว่ายังสู้ไหว ทั้งเจ้าของ ทั้งแมว


หมออัลตร้าซาวด์ดู บอกน้ำค่อนข้างเยอะ ฉีดยาชา เอาเข็มเจาะ แต่น้ำในท้องค่อนข้างหนืดมาก เข็มเล็กที่หมอเตรียมดูดไม่ออก เปลี่ยนเป็นเข็มขนาดใหญ่ โคฟี่ร้องทรมานจนเงียบ ใช้อัลตร้าซาวด์ในการนำทางไปดูดน้ำ เจาะท้องแมวจะเจ็บมาก ต้องให้ยาชาระงับปวด

และนี่คือของเหลวที่ดูดออกมา 200 cc เอานิ้วแตะแต่หยด น้ำจะหนืดติดนิ้วมา



คืนนั้นแฟนบอกโคฟี่ดูสบายตัว นอนหลับยาวตลอดคืน ตื่นขึ้นมาถ่ายตอนเช้า แอบกินอาหารแห้งที่ตั้งไว้ให้ นิดหน่อย กินเอง ร้องเยอะขึ้นพูดมาก พูดเจื้อยแจ้ว อาการดีขึ้นมาก

28 พฤศจิกายน 2558


วันเสาร์ หยุดงาน มีเวลาทั้งวัน ตื่นเช้ามาเยี่ยมโคฟี่บ้านแฟน ป้อนข้าว ป้อนยาเสร็จ ตัดสินใจพากลับไปเยี่ยมเพื่อนๆที่บ้าน 
วันนี้ดูแข็งแรงมาก ร้องเสียงดัง เดินเล่นไปทั่วรถ พาไปทานอาหารเช้าด้วย พาไปนั่งร้านติ่มซำ หันหน้าขวาซ้ายเร็วๆ ดูเป็นโคฟี่ก่อนป่วย ดีใจที่เห็นภาพแบบนี้อีก





เพื่อนบ้านมาเยี่ยม บอกว่าดูผอมไปมาก โคฟี่เดินเข้ามาทักทายเพื่อนบ้าน เพราะนางเคยเข้ามาช่วยดูแลให้ข้าวเวลาไป ต่างจังหวัด ดูโคฟี่จะคิดถึงนาง เดินเอาตัวมาสี แล้วทิ้งตัวหงายท้อง นอนให้เล่น


29 พฤศจิกายน 2558 


อาการดีขึ้น หลับสบายทั้งคืน ตื่นแต่เช้า ร้องเงี๊ยวง๊าวข้างหู ตัดสินใจพากลับบ้านมาอีกวัน มาเยี่ยมเพื่อนๆ



 เล่นของแล่น แล้วก็ยึดไว้

พัฒนาการวันนี้ เดินขึ้นลงบันไดได้เอง นั่งอาบแดดอย่างสงบ หางกระดิกไปมามีความสุข โดยไม่รู้ว่า นี่คือการกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งสุดท้าย

1 ธันวาคม 2558


แดดดี๊โทรมาบอกว่าวันนี้ไม่ต้องลางานนะ เด๋วพาขึ้นแทกซี่ไป คลินิกเอง เพราะอาการไม่ดี ดูไม่ร่าเริง ไม่โดดมาเล่น บนเตียง ไม่ร้อง และท้องโตๆ ซึมๆ  แต่หมอบอกน้ำยังน้อย ไม่แนะนำให้เจาะ ให้พากลับมาก่อน


 แรกๆเคยเป็นแมวที่กินยาง่ายมาก แต่ด้วยความที่ยาเยอะมาก ไม่ยอมกลืน พยายามทำทุกวิธี บดยาผสมน้ำ ยิ่งแย่ใหญ่ เพราะกลายเป้นโคตรขมไปเลย สุดท้าย แดดดี๊ ต้องให้ยาเม็ด ดูท่าตอนกินยาเค้าสิ



กินเสร็จ อ้วกมา 3 รอบ เหมือนไม่ได้รับสารอาหารอะไรเลย

ธันวาคม 2558


3 วันที่ผ่านมา แย่ลงเรื่อยๆ คิดไปเองว่าใกล้จะไปแล้วมั้ง ไม่รับอาหารแล้ว
ขับรถกลับจากที่ทำงานใจคอไม่ดี มาถึงเจอสภาพ ถึงกับเข่าทรุด ร้องไห้เลย โคฟี่วันนี้เหลือลมหายใจสุดท้าย เหมือนซากแมวมากกว่า อาหารติดคาปาก ไม่กลืนแม้แต่น้ำ
เห็นเดินไปฉี่ที่กะบะทรายแบบอิดโรยเต็มที ขาแทบไม่เหลือแรงแล้ว เราก็เฝ้ามองอยู่ สุดท้ายโคฟี่ล้มลงในกะบะทรายตัวเอง รีบไปอุ้มออกมา เอาใส่ตะกร้าไปโรงพยาบาลทันที โคฟี่ส่งเสียงร้องเบามากเป็นระยะๆ

หมออัลตร้าซาวด์ เจอก้อนเนื้องอก อักเสบเต็มช่องท้องไปหมด หมอบอกว่า กำลังปวดท้อง ทำใจนะ โรคแบบนี้แมวทรมาน เราเห็นพวกก้อนๆนั้น อยากเจ็บแทน มันเยอะมาก

ช่วงรอหมอ เตรียมยาโคฟี่กระโดดมาให้อุ้มเอาหน้าซุกไว้ที่เเขน แล้วเอาหัวหนุน นอนมองหน้า เหมือนอยากบอกว่า เจ็บมาก แม่ครับผมทรมาน เมื่อไหร่มันจะจบลงสักที

เรามองหน้าเค้า น้ำตาไหล พยักหน้าบอกไปว่า หลับเถอะฟี่ลูก ถ้าไม่ไหวไม่ต้องทน ถ้าไม่ไหว ไปเถอะนะ อย่าทรมานไปมากกว่านี้เลย โคฟี่มองหน้าเหมือนเข้าใจ เอาหัวหนุนแขนไว้เหมือนเดิม ตาลอย

หมอฉีดยาแก้ปวด แก้อักเสบ แก้อาเจียร ฆ่าเชื้อ และอะไรต่อมิอะไร 7 เข็ม โคฟี่ร้องห้องจะพัง

พากลับบ้าน วางบนเตียง แล้วลาแฟนกลับบ้าน
ดูโคฟี่เหนื่อยกับการใช้ชีวิตมากทีเดียว เอาหน้าซุกผ้าห่มและนอนหายใจแผ่ว




5 ธันวาคม 2558 ลมหายใจสุดท้ายที่ไม่ได้เห็นเอง


ตื่นเช้ามา เพิ่งเอะใจ แบตโทรศัพท์หมด นอนหลับชาร์ตแบต ระหว่างรอเครื่องเปิด ใจไม่ดี คิดไปไกลว่าถ้าเมื่อคืนโคฟี่เป็นอะไรไประหว่างแบตหมดล่ะ

และมันเป็นเรื่องจริง

ข้อความที่ส่งมา ตี 3 กว่า โคฟี่ หมดลมหายใจสุดท้ายบนโลกนี้แล้ว

โคฟี่ตื่นมาสำลัก แล้วก็ค่อยๆหยุดหายใจ

เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้บอกลากัน


โคฟี่จบชีวิตลงภายใน 15 วันหลังจากตรวจเจอโรค นับรวมไปอีกสองอาทิตย์ก่อนที่เจ้าของจะรู้ตัว


โคฟี่ไปสบายแล้ว อย่างน้อยโคฟี่ก็ไม่ต้องทนทรมานแบบที่มนุษย์อย่างเราไม่มีทางจะไปเข้าใจได้เลยว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน

เราชะล่าใจไปเอง ว่าเลี้ยงแมวระบบปิดแล้วแมวจะไม่เป็นโรคนี้ หรือแมวจะไม่เสี่ยงเป็นโรค ซึ่งจริงๆแมวทุกตัวมีโอกาสเป็นโรคนี้ทั้งนั้น

สิ่งที่ช่วยได้ไม่มากก็น้อย คือเอาแมวไปทำวัคซีน FIP แมวที่เหลือของเรา ก็จะค่อยๆทยอยเอาไปทำ


ภาพสุดท้ายคือ การกอดลาครั้งสุดท้าย ก่อนส่งต่อให้สัปเหร่อ พาโคฟี่ไปเผาศพคืนนี้ แล้วโคฟี่จะกลับมาเป็นอัฐิ ที่จะเอาไปโรยต้นไม้และฝังไว้ในบริเวณบ้านต่อไป


หลังจากโคฟี่ตาย และเริ่มทำใจได้ ขอเอารูปสุดท้ายของโคฟี่มาลง

โคฟี่กลับบ้านแล้ว เป็นเถ้าถ่านห่อไว้ในห่อสีขาว

ตอนนี้ก็ทำใจได้แล้ว แต่ก็ยังคิดถึงโคฟี่อยู่ตลอดเวลา



ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ หากเพื่อนๆมีแมวที่เป็นแโรคนี้ ขอให้เข้มแข็งและต่อสู้ไปด้วยกันจนกว่าความตายจะมาพรากนะคะ





4 comments:

bluebet said...

เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากค่ะ ก่อนอื่น ขอแสดงความเสียใจกับ เจ้าของบทความก่อนนะคะ เราเองก็ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเหมือนกัน ของเราน้องแมวตกบ้านลงมาค่ะ มันผ่านไปยากมากนะคะ ช่วงเวลาโหดร้ายแบบเนี้ย แต่ยังไงก็ขอให้ผ่านไปให้ได้นะคะ สู้ๆนะคะ น้องไปสบายละค่ะไม่เจ็บปวดแล้ว

karn said...

เสียใจด้วยค่ะ คุณทำดีที่สุดแล้วเชื่อว่าน้องแมวเขาขอบคุณมากที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี สัตว์เลี้ยงดีๆ มักตายก่อนเสมอ เขาจะได้ไปสวรรค์ไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นไงคะ

Unknown said...

ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ

Anonymous said...

Lucky Club Casino site and registration bonus - LuckyClub
The Lucky Club online casino bonus is a welcome offer to new players who register to the club and then make luckyclub a deposit to earn points for the club. This