สุดสัปดาห์เที่ยวทั่ว KUALA LUMPUR ทริปรัดกุม 2 วัน 1 คืน

ใครอยากเที่ยวแต่เวลามีน้อย ยกมือขึ้น ทริปนี้เร่งด่วนกับประเทศข้างเรา Kuala Lumpur เมืองหลวงแห่งประเทศมาเลเซีย เที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน…ไปแค่ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เราก็ทำได้



Day 1 : A Lady Named Fern พาลัดฟ้าสู่ KL เมืองหลวงมาเลเซียกับ สายการบิน Air Asia เวลา 7.55 ถ้าจะเช้าแบบนี้ สั่งอาหารบนเครื่องล่วงหน้า มันจะประหยัดไปได้ MYR 10 และมีของที่เราอยากกินจริงๆ
ใช้เวลาบิน 1.30 ชม. ลงที่ KLIA2 สนามบินที่เป็นฐานทัพของแอร์เอเชีย เวลาบ้านเค้าเร็วกว่า 1 ชม. ดังนั้นถึง 10 โมงกว่าๆ ถ้า ตม. คนไม่เยอะก็โชคดีได้ออกมาเร็ว Salamat Datang Ke Malaysia : ยินดีต้อนรับสู่ประเทศมาเลเซีย อย่าลืมปรับนาฬิกากันด้วยนะคะ
Internet สำคัญตั้งแต่ลงเครื่อง (กลัวหลง) เราจองมาจากไทย กับค่าย Tune ราคา 173 บาท เป็นแพคเกจ 4G Lite 5 GB สำหรับ 3 วัน(คุ้มนะไม่แพง) สามารถมารับที่สนามบินได้เลยที่ร้าน Tune Store พนักงานลงทะเบียนเปลี่ยนซิมให้เรียบร้อย
การเดินทางเข้าเมือง เนื่องจากสนามบินอยู่ห่างตัวเมือง 60 กม. เวลาเราน้อย เสียไปไม่ได้แม้แต่นาที เลือก KLIA Express แม้ราคาจะสูงถึง MYR 100 ไป-กลับต่อคนแต่เราก็ยอม รถไฟฟ้าคันนี้ใช้เวลา 33 นาที ถึง สถานี KL Sentral
ที่พักของเรา Hotel Izumi Bukit Bintang เป็นโรงแรม ที่ใกล้แหล่ง shopping ร้านอาหาร บาร์ ย่านของกินดังๆชื่อ ‘Jalan Alor’ โลเคชั่นดี ห้องสะอาดใช้ได้ ของใช้ในห้องไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่เอาไว้นอนอย่างเดียวถือว่าคุ้มมากๆ ใครจะจองแนะนำห้องที่มีหน้าต่างจะไม่อุดอู้นะคะ
การเดินทาง : จาก KL Sentral ต่อรถไฟสาย MRT Kajang มา 2 สถานีลงที่ Bukit Bintang ออก Exit Sultan อะไรสักอย่างจะโผล่ที่พักเลย จาก Exit เดิน 3 นาทีก็ถึงแล้ว
เช็คอิน เก็บของ เราออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายแรก Batu Cave ถ้ำหินปูนที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใช้เป็นวัดและสถานที่ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดู สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของถ้ำบาตูก็คือ รูปปั้นเทพพระขันธกุมารสีทอง สูง 42.7 เมตรของศาสนาฮินดูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับปากถ้ำ
การเดินทาง : จาก KL Sentral นั่งรถสาย KTM Batu Cave มาสุดสายใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี่คือต้องเดินขึ้นบันได 272 ขั้น ที่สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้ ใครไม่หิ้วน้ำไป ข้างบนมีขาย ราคารับได้ แบบอารมณ์นั้นชั้นต้องการน้ำำำำำ 555
อายุ 35 ว่าเหนื่อยแล้ว พอหันไปเจอคุณยายที่เดินไต่ขึ้นไปพร้อมไม้เท้า 555 คุณยายขาถ้าหนูอายุเท่าคุณยาย หนูขอเดินขึ้นบันไดบ้านให้ไหวก่อนน้า
ในบริเวณใกล้กัน ก็ไปเยี่ยมชมปฏิมากรรมในถ้ำรามายณะซึ่งด้านในมีหุ่นจำลองของพระเจ้าในศาสนาฮินดูเช่น สงคราม ความรัก แต่งงาน การลงโทษ จัดแสดงอยู่
ปล. ก่อนเข้าถ้ำ เราทำสวย แชะ
เดินทางออกจาก Batu Cave เพื่อไปจุดหมายต่อไป โดยนั่งรถไฟสายเดิมกลับมา KL Sentral ต่อ LRT Gombank ไปลง KLCC สถานีแห่ง ตึกแฝดปิโตรนาส ที่ยังครองสถิติตึกแฝดที่สูงที่สูดในโลกมาจนถึงวันนี้ มีความสูง 452 เมตร
ตั้งแต่ 20.30 เป็นต้นไป มีการแสดงน้ำพุแสง สี เสียง เป็นเพลงเบาๆ คนก็จะมารวมตัวกันนั่งจับกลุ่มริมน้ำ ไม่ก็เดินเล่นรอบสวนสาธารณะ
จาก KLCC ไป Jalan Alor แหล่งของกิน เราใช้วิธีการเดินเรื่อยๆ ตาม Google Map 20 กว่านาที เดินจนแบตหมด ไม่มีรูปเลยซึ่งน่าเสียดายมาก
Jalan Alor คือ ตลาดโต้รุ่งกลางคืนที่ขายของกินนี่แหละ ร้านเยอะมาก แต่ดูไม่สะอาดสักร้าน นั่งกินไปแล้วอาจเห็นกองทัพหนูวิ่งสำรวจหลังคาฝั่งตรงข้าม ร้านอาหารวิวหนู 555 ตอนนั้นหิว กินไม่สนหนู รู้ตัวอีกทีอิ่มละ กินเสร็จเดินกลับที่พัก 5 นาทีเพราะตลาดอยู่ด้านหลังโรงแรมนี่เอง
831720746-1024x1024.jpg
Image Credit : iStock
DAY 2 : เนื่องจากเป็นทริปเร่งด่วน เรากินข้่าวเช้าเสร็จ เช็คเอาท์และฝากกระเป๋าไว้ที่ล้อบบี้โรงแรม
จุดหมายแรก Musjid Jamek หรือ สุเหร่าจาเม็กสร้างในปี ค.ศ. 1909 และเป็นสุเหร่าที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง สุเหร่าตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำกรังและแม่น้ำกอมบัคไหลมาบรรจบกัน บริเวณนี้เป็นจุดสำคัญมากค่ะ คือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเมืองกัวลาลัมเปอร์ ว้าว!!
การเดินทาง : จาก Bukit Bintang นั่งรถสาย Sungai Puloh มาลงที่ Medeka แล้วเดินเปลี่ยนรถ เป็นสาย Sentul Timur นั่งอีกแค่สถานีเดียวจะถึงหน้ามัสยิดเลย
การแต่งการในการเข้าชมสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็จะต้องคลุมให้เรียบร้อย มีผ้าคลุมให้บริการไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้หญิงเป็นผ้าคลุมยาวคลุมถึงข้อเท้าและเก็บผมในผ้าคลุมให้มิดชิด
ส่วนผู้ชายเองก็จะมีโสร่งยาว และหากไปในช่วงเวลาที่มีการทำพิธีทางศาสนา ซึ่งคือ การละหมาด เค้าก็จะปิดไม่ให้เข้าไป
ออกจากมัสยิด เดินเลี้ยวมาทางซ้าย สามารถเดินข้ามสะพานทะลุถึงสถานที่สำคัญอีก 2 แห่ง Merdeka Square และอาคาร Sultan Abdul Samad
Sultan Abdul Samad Building อาคารสุลต่านอับดุล ซาหมัดในช่วงที่มาเลเซียอยู่ภายใต้การยึดครองของอังกฤษ อาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นสำนักงานของราชการหลายฝ่าย ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลสูงและศาลฎีกา เนิ่องจากอาคารแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของเมือง นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปที่นี่
ตัวเราเดินผ่านสวนมาจากด้านหลังอาคาร จะสวยอีกแบบและคนไม่พลุกพล่านเท่าด้านหน้า ปกติคนจะมาถ่ายรูปกันแค่ฝั่งหน้า ไม่ได้เดินจนทั่วก็จะไม่ได้เห็นมุมสวยๆ ริมแม่น้ำแบบนี้นะฮะ
img_20180722_110901-026832087280571826178.jpeg
ด้านหน้า Merdeka Square จตุรัสเมอร์เดก้า ก็คล้ายๆกับสนามหลวงแต่มีขนาดเล็กกว่า มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นกัน ในอดีตเมื่อมีการนำธงยูเนียนแฟลกลง ธงชาติของมาเลเซียก็ถูกชักขึ้นสู่เสาครั้งแรกในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 (เที่ยงคืนของวันที่ 30 สิงหาคม) เมื่อได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ
ในบริเวณนี้มีรูปสุต่านผู้ปกครองมาเลเซียสมัยต่างๆของเค้าล่ะก็
จากจุดนี้สามารถเดินต่อมาหน่อยก็จะ เข้าสู่ Central Market ตลาดเก่าที่ปัจจุบันกลายเป็นตลาดขายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง งานศิลปะ หัตถกรรม โปสการ์ด
ตลาดนี้ติดแอร์ทั้งหลัง ช่วยได้มากจากอากาศด้านนอก คนที่นี่มีหลายหลายชาติ ภาษา ของที่ขายก็มีทั้งอินเดีย จีน ยันมุสลิมไปเลยจ้า
ภายนอกอาคาร ติดกับเซนทรัลมาเก็ต คือ Kazturi Walk ขายอาหารแผงลอยและของชอปปิ้งเล็กน้อย เราก็ฝากท้องกับร้านอาหารอินดียข้างทางนี่แหละ
จากจุดนี้ เราจะเปลี่ยนบรรยากาศ ไปดูวัดแขก Sri Maha Mariamman Temple
วัดศรีมหามาเรียมมันเป็นวัดฮินดูที่สำคัญของกรุงกัวลาลัมเปอร์ สร้างตามแบบวัดในอินเดียตอนใต้ ซึ่งบริเวณรอบๆ คือ ย่านลิตเติ้ลอินเดีย
ก่อนเข้าวัดต้องฝากร้องเท้า หากผู้หญิงใส่กระโปรงสั้นมาก็ต้องมีผ้าถุงคลุม
** เรื่องน่ารู้ : เทศกาลไทปูสัม (Tipusum) ที่จัดในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี งานนี้จะมีขบวนแห่ที่ใช้รถลากขนาดใหญ่แทนรถทรงของเทพเจ้า ผู้เข้าร่วมในพิธีจะใช้เหล็กแหลมเสียบเข้าไปในผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อเป็นการไถ่บาป แล้วทำการแห่ไปตามถนนใน เมืองจอร์จทาวน์ ซึ่งจะทำการแห่จากวัดแห่งนี้ไปยังถ้ำบาตู
แล้วเป็นไรไม่รู้นะ Little India จะต้องอยู่ใกล้กับ China Town เราก็พาข้ามถนนไปวัดจีนต่อด้วย China Town ซึ่งก็คึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ของที่ระลึกมีราคาถูกกว่าซื้อที่อื่น ซึ่งเจอชิ้นที่ชอบ พอไปจับแล้ว เฮ้ยยยยย ป้ายราคาไทยติดอยู่แถมถูกกว่าที่มาปล่อยขายเราตั้งครึ่งนึงแน่ะ
มาแล้วต้องแวะดื่ม น้ำเก๊กฮวยและชาสมุนไพรจีนบรรเทาอาการร้อนใน
จบจากที่นี่ เราก็ นั่งรถไฟกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมและ นั่งรถย้อนมา KL Sentral เพื่อต่อสาย Express ไปยังสนามบิน
จบแล้วนะคะ ทริป KL 2 วัน 1 คืน ของเฟิร์นกับพี่ฟาน
เล่าให้ฟังอีกนิด เราเรียนจบที่ปีนัง มาเลเซียและเคยมาเที่ยว KL สมัยสิบกว่าปีก่อนกับเพื่อนๆที่ College มาอีกครั้งตอนรับปริญญา และอีกครั้งตอนมาเปลี่ยนเครื่องไป ออสเตรเลีย เราไม่เคยชอบ KL เลย แต่การมาครั้งนี้ ได้เดินทางไปดูสถานที่ต่างๆที่มากกว่าตึกแฝด เปิดโลกทรรศน์ให้มากมาย KL สำหรับเราในวันนี้กลายเป็นเมืองที่น่าทึ่ง ที่รวมความโมเดิร์นกับความเก่าแก่ของเมืองไว้ได้อย่างลงตัว ค่าเงินก็ไม่แพงเหมือนสมัยก่อน ถ้าใครมีเวลาน้อยและอยากออกนอกประเทศ KL เป็นตัวเลือกถูกต้องที่สุดเลยค่ะ
ปล. การเดินทางสะดวกมากค่ะ แต่ถ้าใครไม่สะดวกเดินทางรถไฟฟ้า (กรณีมีผู้สูงอายุ) ดาวโหลด Grab Taxi ไว้ได้นะคะ

1 comments:

solarbet said...

solarbet คาสิโน สล็อตออนไลน์ มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีสุดล้ำในการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อให้การดำเนินงานของเว็บไซต์ pg ออนไลน์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้